ใครๆ ก็ต้องการขับรถไปถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย แต่บ่อยครั้งที่ระหว่างทางมักจะเจอผู้ใช้รถใช้ถนนบางกลุ่มที่มีพฤติกรรมการขับรถแบบเสี่ยงๆ ที่อาจทำให้คนอื่นโดนลูกหลงไปด้วย หรือไม่ก็ได้รับผลกระทบจนเกิดอุบัติเหตุได้ มาดูกันว่าพฤติกรรมการขับรถแบบไหนที่ใครเจอก็อยากจะหลีกเลี่ยง
การเปิดไฟสูงค้างไว้เป็นการทำลายสมาธิของรถคันอื่นอย่างหนึ่ง เพราะแสงไฟจากหน้ารถเป็นแสงที่มีความเข้มสูง อาจรบกวนสายตาของคนขับ ทำให้สายตาเกิดการพร่ามัวไปชั่วขณะได้ ซึ่งอาจเกิดจากความไม่ตั้งใจ โดยเฉพาะมือใหม่หัดขับที่ยังใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในรถไม่คล่อง เผลอเปิดไฟสูงโดยไม่รู้ตัว ซึ่งการเปิดไฟสูงค้างไว้แบบนี้อาจเป็นอันตรายกับรถคันหน้าหรือรถที่ขับสวนมาได้
อันดับ 2 ขับช้าแต่แช่เลนขวา
“ขับเร็วชิดขวา ขับช้าชิดซ้าย” หลายคนคงเคยเจอพฤติกรรมขับรถแช่ในช่องจราจรด้านขวาอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจของคนขับก็ตาม แต่ในทางกฎหมายบ้านเราได้กำหนดให้เลนขวามีไว้สำหรับการแซงเท่านั้น พฤติกรรมการขับรถแช่เลนขวาจะทำให้ผู้ขับขี่ที่ขับเร็วกว่า จำเป็นต้องแซงขึ้นไปทางซ้ายแทน ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้มากกว่า
อันดับ 3 ปาดหน้าก่อนถึงแยก
เวลาเร่งรีบแต่ต้องมาเจอรถติดหนัก พฤติกรรมที่พบเห็นได้บ่อยๆ ตามทางแยก เห็นจะเป็นการปาดหน้า จะมีรถส่วนหนึ่งที่ไม่ต่อแถวเหมือนคันอื่น แต่จะใช้วีธีลัดด้วยการขับแทรกหรือแซงขึ้นมาเบียดหัวแถวก่อนถึงทางแยกเล็กน้อย พฤติกรรมแบบนี้ไม่ต่างกับการแซงคิวซื้อของ นอกจากจะขวางการจราจรเลนอื่นแล้ว ยังทำให้รถเคลื่อนตัวได้ช้ากว่าปกติด้วย
อันดับ 4 ไม่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว
เวลาเราจะขับรถเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ไฟเลี้ยวเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยเมื่อต้องการเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลน แต่เดี๋ยวนี้กลับมีผู้ขับขี่จำนวนมากที่เปลี่ยนเลนหรือเลี้ยวโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ทำให้เกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง
อันดับ 5 ขับรถเร็วกว่าที่กฎหมายกำหนด
เป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเป็นอันดับต้นๆ ตามปกติการขับรถบนท้องถนน ทางกฎหมายกำหนดให้ผู้ขับขี่ใช้ความเร็วได้ 90 กม./ชม. ซึ่งก็ถือว่าไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไป ความเร็วเท่านี้ก็นับว่าเพียงพอแล้วสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน หากขับรถด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดนี้ จะทำให้เรามีเวลาตัดสินใจน้อยลงหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น เท่ากับว่ามีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายได้